ทันโลกข่าวต่างประเทศ

โศกนาฏกรรมอิแทวอน

โศกนาฏกรรมอิแทวอน: “ผมนอนไม่หลับ ผมยังเห็นภาพคนตายต่อหน้าต่อตา”

  • ผู้คนนับแสนคนออกมาร่วมกิจกรรมงานฮาโลวีนในย่านอิแทวอนในปีนี้ เนื่องจากเป็นปีแรกที่ทางการอนุญาตให้จัดกิจกรรมกลางแจ้ง และผู้เข้าร่วมไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัย หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19
  • ตัวเลขของทางการระบุว่า ขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 154 คน และมีผู้บาดเจ็บ 149 คน ในจำนวนนี้ 33 คน มีอาการสาหัส ผู้เสียชีวิตเกือบ 100 คน เป็นผู้หญิง และส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นและคนวัยหนุ่มสาว
  • ขณะที่โศกนาฏกรรมครั้งนี้ถือเป็นเหตุเบียดเสียดและเหยียบกันตายที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในเกาหลีใต้ และเป็นโศกนาฏกรรมที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด นับตั้งแต่เหตุเรือเฟอร์รี่เซวอลอับปางในปี 2014 ซึ่งครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิตถึง 304 คน

ผู้รอดชีวิตจากเหตุโศกนาฏกรรมระหว่างการฉลองเทศกาลฮาโลวีนในกรุงโซล ได้บอกเล่าถึงประสบการณ์น่าหวาดกลัว ที่ต้องเห็นเพื่อนและผู้ร่วมงานคนอื่นๆ ขาดอากาศหายใจ ภายในซอยแคบๆ ท่ามกลางเสียงดนตรีที่ดังกระหึ่ม

จนถึงตอนนี้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 154 คน เมื่อฝูงชนเบียดเสียดกันในงานฮาโลวีนย่านอิแทวอน

นูห์ยิล อะฮัมเหม็ด หนึ่งในผู้อยู่ในเหตุการณ์ กล่าวว่า “ผู้คนเริ่มดันมาจากด้านหลังเหมือนกับคลื่น คุณทำอะไรไม่ได้เลย”

“เมื่อคืนนี้ผมนอนไม่หลับ ผมยังเห็นภาพคนตายต่อหน้าต่อตา”

หนุ่มเชื้อสายอินเดียวัย 32 ปี เล่าว่า เขาติดอยู่ท่ามกลางการเบียดเสียดยัดเยียดของผู้คนจำนวนมหาศาล และในสถานการณ์นั้นไม่มีใครสามารถทำอะไรได้ ไม่ว่าจะช่วยตนเองหรือผู้อื่น

ภาพวิดีโอที่เผยแพร่ในสังคมออนไลน์ แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ที่น่าตื่นตระหนก ขณะที่ตัวอะฮัมเหม็ดเองได้บอกเล่าประสบการณ์ที่น่าตระหนกของเขาบนอินสตาแกรมเช่นกัน

ภาพที่เขาบันทึกได้ แสดงให้เห็นคนหนุ่มสาวอายุราว 20 ปี อัดแน่นเข้าไปในซอยแคบๆ ที่มีความลาดชันจนไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวได้ จากนั้นฝูงชนเริ่มดันกันไปมาในทุกทิศทาง บางคนถูกดันจนล้มลงกับพื้น หลายคนหายใจไม่ออก

ย่านอิแทวอน เป็นหนึ่งในแหล่งสังสรรค์ยามค่ำคืนชื่อดังของกรุงโซล ชาวเกาหลีใต้และชาวต่างชาติ มักเดินทางไปเฉลิมฉลองในย่านนี้ช่วงสุดสัปดาห์ แต่เทศกาลฮาโลวีนถือเป็นช่วงที่คนคึกคักมากที่สุด และจุดที่เกิดเหตุถือเป็นจุดจัดงานฉลองฮาโลวีนแบบไม่สวมหน้ากากอนามัยครั้งแรก นับตั้งแต่เกิดโควิดระบาด

ทันโลกทันเหตุการณ์

ประเมินว่ามีประชาชนราว 100,000 คน เดินทางไปเฉลิมฉลองในย่านอิแทวอนเมื่อคืนวันที่ 29 ต.ค. ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีการระบาดของโควิด โดยไม่มีการกำหนดจำนวนของผู้ร่วมงาน และประชาชนไม่จำเป็นต้องสวมแมสก์ แต่รัฐมนตรีมหาดไทยเกาหลีใต้ ลี ซัง-มิน ระบุว่า ทางการไม่คาดคิดว่าจะมีคนเดินทางไปอิแทวอนที่มีสภาพเป็นซอยแคบๆ มากขนาดนี้

“เราคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยงในอิแทวอนไม่ได้ต่างจากหลายปีก่อนมากนัก ผมจึงเข้าใจว่าทางการส่งเจ้าหน้าที่มาดูแลความปลอดภัยในจำนวนเท่าเดิม” เขากล่าวว่า อันที่จริงแล้วมีการส่งเจ้าหน้าที่ไปยังพื้นที่อื่นรอบกรุงโซลในคืนวันเสาร์ด้วย

“ผมไม่ทราบจำนวนเจ้าหน้าที่ที่ส่งไปอิแทวอนที่แน่ชัด แต่เราส่งเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งไปยังจัตุรัสกวางฮวามุน ซึ่งคาดว่าฝูงชนจำนวนมากจะจัดการประท้วงใหญ่” เขาระบุในการแถลงข่าว

นายลี ระบุว่า ยังระบุตัวตนผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตบางคนไม่ได้ เพราะอายุไม่ถึง 17 ปี และไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน

ประธานาธิบดี ยุน ซอก ยอล ได้สั่งให้ดำเนินการสอบสวนถึงสาเหตุของโศกนาฏกรรมครั้งนี้ พร้อมประกาศไว้อาลัยทั่วประเทศ

อะฮัมเหม็ด เป็นเจ้าหน้าที่ด้านไอทีจากอินเดียที่อาศัยอยู่ในกรุงโซล เขามาร่วมงานเฉลิมฉลองฮาโลวีนที่อิแทวอนตลอด 5 ปีที่ผ่านมา

เขากล่าวว่า ปีที่แล้วมีเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่มากกว่านี้ แต่ในปีนี้มีผู้ร่วมงานมากอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน และไม่มีมาตรการควบคุมฝูงชน

อะฮัมเหม็ด เดินทางไปอิแทวอนพร้อมกับเพื่อนๆ เขาจำไม่ได้ว่าทำไมถึงอยากเข้าไปในซอยแคบๆ นี้ รู้เพียงแต่ว่ามันเป็นแหล่งสังสรรค์ยอดนิยมสำหรับคนที่สวมคอสตูมมาร่วมงานฮาโลวีน แต่ทันทีที่เขาขยับตัวไม่ได้ เขารู้ตัวแล้วว่ากำลังเกิดสิ่งผิดปกติ

“แม้คุณจะยืนอยู่เฉยๆ แต่คุณก็จะถูกดันมาจากทั้งด้านหน้าและด้านหลัง มันเกิดขึ้น 2-3 ครั้ง จนผมรู้สึกได้ว่าบางอย่างผิดปกติ ผมรู้สึกกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

เขาระบุว่า เขาล้มลงไปครั้งหนึ่ง แต่ดึงตัวขึ้นไปบนขั้นบันไดด้านข้างซอยได้ “ผู้หญิงคนหนึ่งที่สวมปีกนางฟ้าเรียกผมขึ้นไป ผมเลยปีนขึ้นไปบนบันไดที่สูงขึ้นมาได้”

“ผู้คนเริ่มขาดอากาศหายใจ กรีดร้อง ถูกเบียด ล้มลง มันมีผู้คนมากมายจริงๆ”

“ผมอยู่บนขั้นบันได มองเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ผู้คนไม่รู้จะทำตัวยังไง และมันทำอะไรไม่ได้เลย”

อะฮัมเหม็ด ยอมรับว่า เขารู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์ที่ต้องเห็นคนสิ้นใจไปต่อหน้า เขากลัวว่าเพื่อนของเขาจะเป็นอะไรไป จึงพยายามเรียกหา แต่พวกเขาไม่ตอบ แต่ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา เขาพบว่าเพื่อนๆ ของเขาหลุดออกไปจากพื้นที่ได้เช่นกัน

เขาไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นดีพอ จนฝูงชนเริ่มสลายตัว และรถพยาบาลเดินทางมาถึง “พวกเขาเริ่มดึงร่างออกมาจากข้างใต้… ชายคนหนึ่งรู้ว่าเพื่อนเขาตายแล้ว แต่ก็ยังปั๊มหัวใจต่อไปนาน 30 นาที”

อะฮัมเหม็ด จำได้ว่าเพื่อนอีกคนของชายคนนี้พยายามขอให้หยุด แต่ชายหนุ่มยังปั๊มหัวใจต่อ แต่ข้างๆ เขา บางคนยังแต่งหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ภาพความรุนแรงของโศกนาฏกรรมค่อยๆ เผยออกมาให้เห็น รถพยาบาลเต็มไปด้วยผู้บาดเจ็บที่จำเป็นต้องส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล ทำให้พวกเขาต้องวางร่างผู้ที่เสียชีวิตมานานกว่าหนึ่งชั่วโมงเอาไว้ก่อน

ในคืนนั้น ร่างผู้เสียชีวิตซึ่งบางส่วนยังคงสวมชุดวันฮาโลวีน ถูกนำมาวางเรียงบนถนน ห่มด้วยผ้าสีน้ำเงิน ขณะที่ร่างไร้ลมหายใจอื่นๆ จะค่อยๆ ถูกทยอยนำขึ้นไปบนรถพยาบาล ขณะที่ประชาชนทั่วไปยังพยายามช่วยปั๊มหัวใจคนที่หมดสติอยู่บนถนน ไปพร้อมๆ กับเจ้าหน้าที่หน่วยฉุกเฉินนับร้อยคนที่ส่งมาจากหน่วยต่างๆ ทั่วประเทศ

เช้าวันต่อมา บรรดาญาติและเพื่อนๆ ของผู้ที่ยังหายสาบสูญ ได้เดินทางมายังจุดเกิดเหตุ เพื่อหาว่าบุคคลที่พวกเขารักอยู่ที่นั่นหรือไม่ ขณะที่ร่างผู้เสียชีวิตได้ถูกนำไปยังยิมเนเซียม เพื่อให้ครอบครัวมาระบุตัวตน

บรรยากาศความโศกเศร้าปกคลุมไปทั่วศูนย์ชุมชนเมื่อวันอาทิตย์ ญาติพี่น้องหลายคนเดินทางมาที่นี่เพื่อที่จะพบว่าบุคคลอันเป็นที่รักเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิต บางคนถึงกับร้องไห้เมื่อได้รับแจ้งว่ายังคงไม่มีข้อมูลใดๆ บางคนถูกพยุงตัวออกไปเนื่องจากพวกเขารู้สึกสิ้นหวังและอ่อนแรงเกินกว่าจะเดินออกไปได้

ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งกำลังตามหาลูกชายวัย 22 ปีของเธอ รู้สึกอึดอัดจนแทบพูดไม่ออก เธอบอกว่า เขาไปทำงานเมื่อคืนที่ไนต์คลับในอิแทวอน และเธอไม่เคยได้ข่าวจากเขาเลยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ทางการกรุงโซลเตรียมจัดสถานที่สำหรับการไว้อาลัยเหยื่อในสถานที่ต่างๆ ทั่วกรุงโซล

จากนี้ไปสิ่งที่คนให้ความสนใจคือมาตรฐานความปลอดภัย และมาตรการควบคุมฝูงชนในสถานที่ และการจัดกิจกรรมที่มีลักษณะดังกล่าว แต่สำหรับตอนนี้เกาหลีใต้ยังคงรู้สึกโศกเศร้าไปกับการเสียชีวิตของผู้คนจำนวนมากซึ่งเป็นคนหนุ่มสาว.